นายจ้างอย่าพลาด! ต้องขึ้นทะเบียนประกันสังคมทันที ตาม พ.ร.บ.ประกันสังคม พ.ศ. 2533
เกี่ยวกับ TMA Group
TMA Group เป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านการสรรหาบุคลากรและการให้คำปรึกษาทางธุรกิจในประเทศไทย มุ่งมั่นที่จะให้บริการครบวงจรแก่ทั้งองค์กรและบุคคล รวมถึงการสรรหาบุคลากร การบริหารจัดการทางการเงิน การจัดการภาษี การให้คำปรึกษาด้านกฎหมาย การบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ และบริการอื่นๆ หากท่านต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทุนในประเทศไทย ยินดีต้อนรับติดต่อเราตลอดเวลา
ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 มาตรา 33 นายจ้างต้องขึ้นทะเบียนเข้าสู่ระบบประกันสังคมเมื่อจ้างลูกจ้างตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป
ภายใต้บทบัญญัติของ พระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 มาตรา 33 ได้กำหนดไว้อย่างชัดเจนว่า นายจ้างที่มีการจ้างลูกจ้างไม่ว่าในรูปแบบใดก็ตาม ตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป จะต้องดำเนินการขึ้นทะเบียนเป็นนายจ้างในระบบประกันสังคม และจัดการนำลูกจ้างเข้าสู่ระบบภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ลูกจ้างเริ่มปฏิบัติงาน
วัตถุประสงค์สำคัญของการบังคับใช้กฎหมายข้อนี้ คือการให้ความคุ้มครองด้านสวัสดิการพื้นฐานแก่ลูกจ้างในสถานประกอบการทุกประเภท โดยครอบคลุมการดูแลในช่วงเวลาที่ลูกจ้างประสบปัญหาหรือเหตุจำเป็นที่กระทบต่อความสามารถในการทำงานหรือมีภาระด้านค่าใช้จ่ายที่เกิดจากเหตุไม่คาดฝัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพ การคลอดบุตร หรือการว่างงาน ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่สามารถเกิดขึ้นได้กับลูกจ้างทุกคน
ดังนั้น การปฏิบัติตามมาตรา 33 จึงไม่ใช่เพียงเรื่องของ “การทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย” เท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ให้ความสำคัญกับ “คน” ซึ่งเป็นทรัพยากรที่มีค่าที่สุดในทุกธุรกิจอย่างแท้จริง
ใครต้องขึ้นทะเบียน?
นายจ้าง ที่เริ่มจ้าง ลูกจ้างอย่างน้อย 1 คน
ลูกจ้าง ที่ทำงานประจำให้กับนายจ้าง และได้รับค่าจ้าง ไม่ว่าจะเป็นงานประจำหรืองานชั่วคราว
กำหนดเวลาในการขึ้นทะเบียน
นายจ้าง ต้องขึ้นทะเบียน ภายใน 30 วัน นับจากวันที่เริ่มมีการจ้างลูกจ้าง
ลูกจ้าง ต้องขึ้นทะเบียน ภายใน 30 วัน นับจากวันที่เริ่มเข้าทำงาน
ขั้นตอนการขึ้นทะเบียน
สำหรับนายจ้างใหม่:
ลงทะเบียนเป็นนายจ้าง ที่สำนักงานประกันสังคมพื้นที่ หรือผ่านเว็บไซต์ www.sso.go.th
ยื่นแบบ สปส. 1-01 (แบบขึ้นทะเบียนนายจ้าง)
แนบเอกสาร เช่น
สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท
สำเนาทะเบียนบ้าน/บัตรประชาชน (กรณีบุคคลธรรมดา)
แผนที่ตั้งสถานประกอบการ
สำหรับลูกจ้าง:
นายจ้างยื่นแบบ สปส. 1-03 เพื่อขึ้นทะเบียนลูกจ้าง
แนบสำเนาบัตรประชาชนของลูกจ้าง
บทลงโทษหากไม่ขึ้นทะเบียน
หากนายจ้างไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย มีโทษดังนี้:
โทษทางอาญา: ปรับไม่เกิน 20,000 บาท
หากไม่ยื่นแบบนำส่งเงินสมทบภายในเวลาที่กำหนด อาจมีโทษปรับอีกวันละไม่เกิน 200 บาท
สิทธิประโยชน์ของลูกจ้าง
เมื่อลูกจ้างได้รับการขึ้นทะเบียนและมีการส่งเงินสมทบอย่างต่อเนื่องในระบบประกันสังคม ลูกจ้างจะได้รับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ซึ่งครอบคลุมใน 7 กรณีสำคัญ ได้แก่:
✅ กรณีเจ็บป่วยหรือประสบอันตราย – ลูกจ้างสามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลที่สถานพยาบาลตามสิทธิ โดยไม่ต้องสำรองจ่าย
🤰 กรณีคลอดบุตร – ลูกจ้างหญิงมีสิทธิได้รับเงินค่าคลอดบุตรและเงินสงเคราะห์การหยุดงานระหว่างคลอด
💀 กรณีทุพพลภาพ – เมื่อลูกจ้างเกิดความพิการจนไม่สามารถทำงานได้ จะได้รับเงินทดแทนเป็นรายเดือน
🧓 กรณีชราภาพ – ลูกจ้างที่ส่งเงินสมทบครบตามระยะเวลาจะได้รับเงินบำเหน็จหรือบำนาญเมื่อเกษียณอายุ
🪦 กรณีตาย – มีเงินค่าทำศพและเงินสงเคราะห์แก่ทายาทหรือบุคคลในครอบครัว
📉 กรณีว่างงาน – ลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้างหรือออกจากงานโดยสมัครใจในบางกรณี จะได้รับเงินทดแทนรายเดือนตามระยะเวลา
⚠️ กรณีประสบอันตรายจากการทำงาน (ตามกฎหมายเงินทดแทน) – คุ้มครองค่าใช้จ่ายและค่าชดเชยกรณีได้รับบาดเจ็บจากงานโดยตรง
การนำลูกจ้างเข้าสู่ระบบประกันสังคมจึงเป็นทั้งหน้าที่ตามกฎหมาย และ เป็นการสร้างหลักประกันในชีวิตให้แก่ลูกจ้างอย่างเป็นรูปธรรม ทำให้นายจ้างสามารถดูแลพนักงานของตนได้อย่างมีระบบ และหลีกเลี่ยงปัญหาด้านกฎหมายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
หากนายจ้างละเลยไม่ดำเนินการตามข้อกำหนดนี้ อาจต้องเผชิญกับโทษทางอาญา เช่น การปรับเงิน และการถูกฟ้องร้องจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งยังมีผลต่อชื่อเสียงขององค์กร ซึ่งอาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของพนักงานและภาพลักษณ์ต่อสาธารณะด้วย
ช่องทางการขึ้นทะเบียน
เว็บไซต์: www.sso.go.th
สำนักงานประกันสังคมในพื้นที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่
การขึ้นทะเบียนประกันสังคม — หน้าที่ทางกฎหมายที่สร้างความมั่นคงให้ทั้งนายจ้างและลูกจ้าง
การขึ้นทะเบียนประกันสังคมไม่ใช่เพียงภาระหน้าที่ทางกฎหมายที่นายจ้างต้องปฏิบัติเท่านั้น แต่ยังถือเป็นการแสดงความรับผิดชอบและใส่ใจต่อสวัสดิการพื้นฐานของลูกจ้างอย่างเป็นรูปธรรม โดยระบบประกันสังคมนั้นออกแบบมาเพื่อให้ความคุ้มครองแก่แรงงานในด้านต่าง ๆ เช่น ค่ารักษาพยาบาล การคลอดบุตร การเจ็บป่วย ทุพพลภาพ ว่างงาน หรือแม้กระทั่งเงินบำนาญเมื่อเกษียณอายุ ซึ่งล้วนเป็นสิทธิประโยชน์ที่ช่วยสร้างความมั่นคงในชีวิตให้กับลูกจ้างอย่างยั่งยืน
จากบทบัญญัติของ พระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 กำหนดไว้อย่างชัดเจนว่า เมื่อนายจ้างมีการจ้างแรงงานตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป จะต้องดำเนินการขึ้นทะเบียนเป็นนายจ้างในระบบประกันสังคม และนำลูกจ้างเข้าสู่ระบบดังกล่าว ภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่เริ่มมีการจ้างงาน หากละเลยไม่ดำเนินการตามกำหนดเวลา ไม่เพียงแต่จะทำให้ลูกจ้างไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ที่พึงมีพึงได้ แต่ยังทำให้นายจ้างเสี่ยงต่อการถูกลงโทษตามกฎหมาย ซึ่งอาจรวมถึงโทษปรับหรือการดำเนินคดีในภายหลัง
ในด้านของธุรกิจ การมีระบบประกันสังคมที่ถูกต้องยังช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ขององค์กรในฐานะนายจ้างที่ดี มีธรรมาภิบาล และเป็นแหล่งงานที่น่าเชื่อถือ ซึ่งจะช่วยให้สามารถดึงดูดและรักษาบุคลากรคุณภาพไว้กับองค์กรได้ในระยะยาว
ดังนั้น การขึ้นทะเบียนประกันสังคมจึงไม่ใช่เรื่องที่ควรมองข้าม ไม่ว่าจะเป็นกิจการขนาดเล็กหรือใหญ่ เพราะนอกจากจะเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายแล้ว ยังเป็นการลงทุนที่มีคุณค่าในทรัพยากรมนุษย์ — ซึ่งคือหัวใจสำคัญของทุกองค์กร
อย่าลืม! หากคุณเป็นนายจ้างและมีลูกจ้างแม้เพียง 1 คน การขึ้นทะเบียนกับสำนักงานประกันสังคม ภายใน 30 วัน คือสิ่งที่ต้องดำเนินการโดยเร็ว เพื่อผลประโยชน์สูงสุดทั้งต่อลูกจ้างและธุรกิจของคุณเอง
1. สถานีนี้ปฏิบัติตามมาตรฐานในวงการ และทุกบทความที่ถูกคัดลอกจะถูกทำเครื่องหมายชัดเจนว่าเป็นของผู้เขียนและแหล่งที่มา; 2. บทความต้นฉบับของสถานีนี้ โปรดระบุผู้เขียนและแหล่งที่มาเมื่อมีการคัดลอก เราจะดำเนินการตามกฎหมายต่อผู้ที่ไม่เคารพสิทธิของผู้เขียน; 3. การส่งบทความของผู้เขียนอาจถูกดำเนินการแก้ไขหรือเพิ่มเติมโดยบรรณาธิการของเราในบางกรณีที่เหมาะสม
